หนังโรง ซีรี่ย์ และเทรนด์หนังแฟรนไชส์

ทุกวันนี้คงจะพูดได้เต็มปากแล้วว่าพฤติกรรมการเลือกรับชมภาพยนตร์ของผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก นับตั้งแต่ Streaming Service ยอดนิยมอย่าง Netflix ได้เปิดให้บริการ และค่อยๆมีบริษัทยักษ์ใหญ่และค่ายหนังดังต่างๆ เปิดตัวบริการสตรีมมิ่งของตัวเองต่อกันมา ไม่ว่าจะเป็น HBO, Disney, Apple, Hulu, Amazon, Paramount และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งถ้าถามว่าดีไหม มันก็ดีต่อผู้บริโภคอยู่แล้ว เพราะการแข่งขันจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น รวมถึงได้รับ Product ที่ดีขึ้น (ในที่นี้หมายถึงคุณภาพของหนัง) โดยบริการสตรีมมิ่ง บางคนก็เรียกติดปากว่าเว็บหนัง แอพหนัง หรือเว็บหนังออนไลน์ และด้วยบริการสตรีมมิ่งนี้เอง ทำให้การดูซีรี่ย์กลายมาเป็นที่นิยมมากขึ้น ซึ่งถ้าเมื่อก่อนเราจะเรียกซีรี่ย์ว่ารายการทีวี หรือไม่ก็ละคร ซึ่งเหตุหนึ่งที่มันเป็นแบบนั้นก็เพราะว่าผู้ชมสามารถเลือกเวลาดูเองได้ ไม่ต้องรอดูตามวันเวลาที่จะฉาย แถมยังย้อนดูกี่รอบ กดหยุดตอนไหนก็ได้ ก็นับว่าเป็นความสะดวกสบายในการเสพเว็บหนังออนไลน์ในยุคนี้
นอกเหนือจากการผลิตคอนเทนท์ของแต่ละช่องภายใต้ลิขสิทธิ์ของเจ้าของช่องเอง เทรนด์ในการทำหนังแฟรนไชส์ก็มีวิธีการที่หลากหลายในการเล่าเรื่องและเติมเต็มเรื่องราวที่มากขึ้น และทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นกับหนังในเว็บหนังออนไลน์ หรือหนังที่ทำมาเพื่อตั้งใจปล่อยฉายในโรงหนัง สิ่งหนึ่งที่นายทุนต้องการก็คือการสร้างภาพยนตร์แฟรนไชส์ หรือก็คือภาพยนตร์หรือซีรี่ย์คนละเรื่องกัน แต่ว่าใช้พล็อตและโครงเรื่องเดียวกัน เหมือนหนังภาคต่อที่ไม่จำเป็นต้องมีตัวเอกเพียงตัวเดียว และเล่าเรื่องได้หลายมุม แน่นอนว่าสิ่งที่นายทนสนใจมากที่สุดก็คือผลกำไร และความปลอดภัยในการลงทุน ซึ่งภาพยนตร์แบบแฟรนไชส์ที่เป็นหนังหรือซีรี่ย์ที่ใช้เนื้อเรื่องร่วมกัน อยู่ในจักรวาลหนังเดียวกันก็มีส่วนช่วยในการเรียกคนดู และก็การันตีได้ในระดับหนึ่งว่าถ้าหากเคยมีหนังในแฟรนไชส์นี้ที่ดัง หรือมีตัวละครที่ได้รับความนิยมสูง โอกาสที่เรื่องต่อๆไปจะเจ๊งหรือไม่มีคนไปดูก็แทบจะไม่มี ตรงนี้ก็เลยตอบโจทย์สำหรับคนทำหนังที่ไม่อยากเจ๊งไปได้ส่วนหนึ่งที่เว็บหนังออนไลน์ สตรีมมิ่งเซอร์วิสมีส่วนช่วยอยู่มาก

ในทางเดียวกันนั้น ผู้บริโภคก็มีทางเลือกมากขึ้น รวมไปถึงได้รับชมผลงานที่ตัวเองชื่นชอบในหลากหลายมุม หลายตัวละครมากขึ้น และช่วงหลังมานี้ก็เริ่มมีการต่อเนื้อเรื่องและจักรวาลหนังกันระหว่างภาพยนตร์แบบที่เป็นเรื่องๆไปและซีรี่ย์ออกมาให้เห็นกันจำนวนหนึ่งแล้ว เช่นสื่อภาพยนตร์ในแฟรนไชส์ MCU หรือ Marvel Cinematic Universe ที่มีทั้งหนังเดี่ยวแบบฉายโรงสำหรับตัวละครที่มีฐานผู้ชมเยอะ มีอิมแพคต่อเรื่องราวมาก และตัวละครอีกส่วนหนึ่งหรือเนื้อเรื่องส่วนที่ไม่ใช่เนื้อเรื่องหลัก แต่เติมเต็มให้จักรวาลหนังสมบูรณ์มากขึ้นก็ทำลงเว็บหนังออนไลน์หรือสตรีมมิ่งเซอร์วิสแทน นอกจากค่าย Marvel แล้วก็ยังมีของค่าย DC Comics, Star Wars ของ Lucas Film ที่ตอนนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Disney ไปแล้ว หรือแม้แต่ John Wick ก็ยังมีแผนในการสร้างภาคแยกของตัวละครอื่นที่ไม่ใช่ตัวหลักออกมาในรูปแบบหนังโรงและซีรี่ย์ เรียกได้ว่าถ้าหนังประสบความสำเร็จและได้สร้างต่อในลักษณะของจักรวาลหนัง (Cinematic Universe) ผู้บริโภคก็จะได้ดูกันจนจุใจกันไปเลย สำหรับแฟนคลับหนังเรื่องนั้นๆ

สำหรับข้อเสียของการสร้างหนังแบบแฟรนไชส์ก็มีเช่นกัน อย่างที่เห็นได้ในตัวอย่างเดียวกันกับที่กล่าวไป ไม่ว่าจะเป็น MCU, Star Wars หรือสื่อภาพยนตร์ในเนื้อเรื่องเดียวกันเรื่องอื่นๆ เมื่อมีการสร้างภาคแยก หรือภาคต่อกันออกมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของหนังโรงหรือซีรี่ย์ การสร้างภาพยนตร์จึงกลายเป็นการแข่งกับเวลาเพื่อให้มีหนังออกมาฉายทันเวลาที่กำหนด ซึ่งก็ทำให้คุณภาพไม่คงที่ และถึงกับน่าผิดหวังสำหรับบางเรื่อง ไม่ใช่แค่ในเรื่องของบทภาพยนตร์ที่อาจจะไม่มีเวลาขัดเกลาหรือแต่งออกมาที่ดีพอ และลามไปถึงเรื่องของ Post Production อย่างการทำ CGI ที่แม้แต่ Marvel ก็ยังทำออกมาได้ไม่คงที่ในเรื่องของคุณภาพ เนื่องจากกรอบเวลาที่กระชั้นชิด และข้อเสียอีกอย่างก็คือการที่แต่ละค่ายพยายามจะดึงหนังบางเรื่องให้อยู่กับช่องต้นสังกัดเพียงผู้เดียว ทำให้ในบางครั้งหากผู้บริโภคต้องการจะติดตามผลงานที่ชื่นชอบ ก็อาจจะต้องสมัครสตรีมมิ่ง เว็บหนังออนไลน์ ไว้หลายช่อง ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วก็อาจจะตกอยู่ที่เดือนละหลักพันได้เลย

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *